ใช้แล้วเย็นไหม หากจะพูดถึงแอร์ขนาดเล็กคงจะไม่ค่อยคุ้นหูหลายๆ ท่านมากเท่าไหร่ แต่บอกได้เลยว่าแอร์ขนาดเล็กหรือแอร์จิ๋วนี้อาจจะเป็นตัวช่วยคลายร้อนสำหรับคนที่ชอบเดินทางหรืองบไม่พอที่จะติดแอร์ขนาดใหญ่ เพราะราคาที่ไม่แรง จับต้องได้ และสามารถพกพาไปได้ทุกที แต่ถ้าหวังว่าเจ้าแอร์จิ๋วจะให้ความเย็นเท่ากับแอร์ตัวใหญ่ที่มีขนาดของ BTU เยอะๆ คงอาจจะผิดหวัง เพราะส่วนมาก แอร์ขนาดเล็กนั้นจะมี BTU ประมาณ 1, 200-5, 000 BTU ซึ่งอาจจะไม่ได้เย็นจนต้องหาผ้ามาห่ม แต่ก็แก้ขัดได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งขนาดห้องที่ใช้อาจจะอยู่ที่ 4-8 ตร.
สำหรับใครที่เคยมีประสบการณ์ในการ เลือกซื้อแอร์ มาบ้างแล้ว ก็คงจะทราบกันดีว่าขนาดของห้อง กับแอร์นั้นมีผลต่อกัน เพราะหากเลือกแอร์ได้ไม่เหมาะกับขนาดของห้อง ก็จะทำให้ได้ความเย็นไม่เต็มที่ หรืออาจจะหนาวเย็นมากจนเกินไปก็เป็นได้ โดยในส่วนของแอร์ที่มีขายกันทั่วไปนั้น จะเริ่มต้นที่ 9000 BTU ซึ่งถือได้ว่าเป็นขนาดเริ่มต้น และ แอร์ 9000 BTU ก็มีช่วงราคาให้เลือกซื้อที่แตกต่างกันด้วย สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มซื้อแอร์ตัวแรก เราก็มีคำแนะนำเกี่ยวกับการซื้อแอร์ 9000 BTU มาฝากกัน ขนาดของห้องที่เหมาะกับแอร์ขนาด 9000 BTU สำหรับขนาดของห้องที่เหมาะกับการใช้แอร์ 9000 BTU นั้นอยู่ที่ 12-15 ตร. ม. โดยกรณีนี้หมายถึงห้องที่ไม่ได้โดนแดด หรือเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศเฉพาะช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น เช่น ห้องนอน เป็นต้น แต่หากต้องการเลือกซื้อไปใช้ในห้องที่ต้องถูกแสงแดดส่องเข้าถึงอยู่ตลอด โดยจะเป็นการใช้งานในช่วงเวลากลางวัน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก หรือ ห้องทำงาน เป็นต้น ขนาดของห้องที่เหมาะสมต่อการใช้แอร์ 9000 BTU ก็จะอยู่ที่ 11-14 ตร. ม. ความแตกต่างของขนาดห้องกับขนาดแอร์ 9000 BTU ก็เป็นผลมาจากช่วงเวลาที่เปิดใช้งานเป็นหลัก รวมทั้งลักษณะที่แสงแดดส่องถึงด้วย ซึ่งก็หากเลือกได้อย่างเหมาะสมก็ช่วยให้สามารถเปิดใช้แอร์ได้ความเย็นตามความต้องการนั่นเอง ฉะนั้นแล้ว เพื่อนๆ ก็ต้องให้ความสำคัญกับการหาพื้นที่โดยรวมของห้อง เพื่อมาใช้เลือก BTU ของ แอร์ได้เหมาะสมกับการใช้งานด้วย แอร์ขนาดเล็ก เหมาะกับห้องขนาดเท่าไหร่?
สำหรับ ห้องที่รับแดดมาก เหมาะกับห้องขนาด 10-14 ตรม. ขนาดห้องสำหรับแอร์ 12, 000 BTU สำหรับ ห้องที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 16-20 ตรม. สำหรับ ห้องที่รับแดดมาก เหมาะกับห้องขนาด 14-18 ตรม. ขนาดห้องสำหรับแอร์ 18, 000 BTU สำหรับ ห้องที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 24-30 ตรม. สำหรับ ห้องที่รับแดดมาก เหมาะกับห้องขนาด 21-27 ตรม. ขนาดห้องสำหรับแอร์ 21, 000 BTU สำหรับ ห้องที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 28-35 ตรม. สำหรับ ห้องที่รับแดดมาก เหมาะกับห้องขนาด 25-32 ตรม. ขนาดห้องสำหรับแอร์ 24, 000 BTU สำหรับ ห้องที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 32-40 ตรม. สำหรับ ห้องที่รับแดดมาก เหมาะกับห้องขนาด 28-36 ตรม. ขนาดห้องสำหรับแอร์ 25, 000 BTU สำหรับ ห้องที่ไม่โดนแดดจัด เหมาะกับห้องขนาด 35-44 ตรม. สำหรับ ห้องที่รับแดดมาก เหมาะกับห้องขนาด 30-39 ตรม. สูตรการคำนวณหา BTU ที่เหมาะสม เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น เราก็มี สูตรในการหา BTU ที่เหมาะสมกับขนาดของห้องมาบอกกันด้วย นั่นก็คือ BTU = [กว้าง(เมตร)] x ยาว(เมตร)] x ตัวแปร โดยตัวแปรในที่นี้ได้แก่ 750 สำหรับห้องปกติที่ไม่โดนแดด 800 สำหรับห้องปกติที่ โดนแดด 850 สำหรับห้องทำงานที่ไม่โดนแดด 900 สำหรับห้องทำงานที่ โดนแดด 950 – 1, 100 สำหรับร้านอาหาร ร้านค้า และสำนักงาน ที่ไม่โดนแดด 1, 000 – 1, 200 สำหรับร้านอาหาร ร้านค้า และสำนักงาน ที่โดนแดด 1, 100 – 1, 500 สำหรับห้องสัมมนา ห้องประชุม หรือร้านอาหารที่มีหม้อและเตาทำความร้อน การคำนวณ เราขอยกตัวอย่างห้องนอนปกติที่ไม่โดนแดด (ตัวแปร = 750) ขนาด กว้าง 6.
แอร์ขนาด 18, 000 BTU แอร์ขนาด 18000 BTU เป็นแอร์ที่ถือได้ว่า ติดตั้งได้ทุกตำแหน่งของบ้าน (ยกเว้นนอกบ้าน... เย้ย) เพราะมีกำลังการให้ความเย็นที่ถือว่าสูง และดีมาก แต่จะต้องใช้ให้ถูกที่ เพราะหากเราอยู่ห้องเล็กๆ ไม่กี่คน ควรใช้แอร์ที่มีขนาด BTU ที่ต่ำกว่าจะดีกว่า จะได้ไม่เปรืองไฟฟรี 4. แอร์ขนาด 24, 000 BTU แอร์ยอดนิยมขนาดสุดท้าย เป็นแอร์ที่ถือว่าขนาดใหญ่ ให้ความเย็นถึง 24000 BTU เหมาะกับห้องประชุม ห้องกว้างๆ รวมไปถึงห้องต่างๆที่มีความร้อนจากมนุษย์หลายคน แต่ข้อเสียนิดหน่อยคือ ไม่ควรมาใช้ในห้องนอน เพราะขนาด BTU สูงแบบนี้ จะมีเสียงดังกว่าขนาดอื่นๆ หลากหลายขนาด หลากหลายประโยชน์ใช้สอย เลือกใช้ในขนาดที่พอเหมาะพอดีกับห้องนะค่ะ เพื่อเป็นการประหยัดไฟ และไม่สิ้นเปรืองพลังงานโดยใช่เหตุ หากสงสัยเกี่ยวกับขนาดห้องกับการติดตั้งแอร์แล้ว อยากจะคำนวนว่า ขนาดห้องกับ BTU ของแอร์ที่จะติดตั้ง ควรเป็นอย่างไร << สามารถอ่านบทความนี้ได้
แอร์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนั้น (แอร์บ้าน แอร์โรงงาน) แบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบันนั้น มีเพียงไม่กี่รุ่นของ BTU เท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วนั้น แอร์มีหลายขนาดมาก ของเครื่องปรับอากาศ จนมากถึงขนาด BTU ที่หลายคนนึกไม่ถึง เพราะใช้ในห้องเย็น แต่เราไม่พูดถึง เพราะเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รู้จัก ซึ่งในวันนี้ทางรานเชียงใหม่แอร์แคร์จะมาแนะนำ แอร์ 4 ขนาด ที่นิยมในปัจจุบัน พร้อมด้วยความแตกต่างของแต่ละขนาดว่า แตกต่างกันอย่างไร ขนาดของแอร์บ้าน ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน 1. แอร์ขนาด 9, 000 BTU แอร์ขนาดต่ำสุด ที่นิยมใช้กันในบ้าน แอร์ขนาด 9000 BTU นี้เหมาะมากสำหรับห้องนอน ที่มีการเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศในตอนกลางคืน และต้องไม่ใช่ห้องนอนที่ใหญ่เกินไป หรือมีวัสดุตู้ ฯลฯ เยอะมากเกินไป เพราะแอร์จะทำงานหนัก เนื่องจากแอร์แบบ 9000 BTU นี้จะให้ความเย็นที่น้อยมาก หากห้องมีขนาดใหญ่ 2. แอร์ขนาด 12, 000 BTU แอร์ขนาดกลาง นิยมใช้ติดตั้งในห้องนอน รวมไปถึงห้องนั่งเล่น เพราะแอร์ขนาด 12000 BTU นี้ถือเป็นแอร์ระดับกลาง ค่อนไปทางต่ำ (ในเรื่องของการให้ความเย็น) แต่เป็นแอร์ที่ถือว่าเพียงพอต่อการอยู่กัน 3 คนในห้องนอนขนาดกลาง หรือห้องรับแขกขนาดเล็ก ซึ่งกินไฟน้อย และให้ความเย็นพอเหมาะพอดี 3.
ขอสอบถามว่า ห้องขนาด 5X4 เมตรค่ะ ว่า ใช้แอร์ 12000 หรือ 18000 btu ดี แล้วอันใหนที่ประหยัดไฟได้มากกว่าคะ ถ้าเปิดเฉพาะกลางคืน ถามเพิ่มเติมว่า พวก inverter ประหยัดไฟจริงใหม๊คะ ขอบคุณค่ะ แสดงความคิดเห็น
75 ลบ. ม. ต่อ 800 BTU ยกตัวอย่างเช่น ตัวอย่าง 1 ห้องขนาด 4X5 ม. มีความสูงของฝ้าเพดาน2. 6 ม. ต้องการหาขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม ทำได้โดยหาปริมาตรห้องได้โดย = ความกว้าง X ความยาว X ความสูง = 4 X 5 X 2. 6 = 52 ลบ. ม. หาขนาดเครื่องปรับอากาศโดยอ้างอิง ปริมาตรห้อง 2. ต่อ 800 บีทียู จะได้ = 52 / 2. 75 X 800 = 15, 127 BTU ตัวอย่าง 2 ห้องขนาด 4X5 ม. มีความสูงของฝ้าเพดาน3. 5 ม. ต้องการหาขนาดเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสม ทำได้โดยหาปริมาตรห้องได้โดย = 4 X 5 X 3. 5 = 70 ลบ. ม. คิดเป็นขนาดเครื่องปรับอากาศได้ 70 / 2. 75 X 800 = 20, 364 BTU จากทั้ง 2 ตัวอย่างข้างต้นนี้ จะเห็นว่าไม่เพียงแต่ขนาดพื้นที่ของห้องเท่านั้นที่มีผลต่อขนาดเครื่องปรับอากาศ ความสูงของฝ้าเพดานก็มีผลด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหากเราต้องการห้องที่มีความสูงของฝ้าเพดานมากๆ จะต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาดมากขึ้นตามไปด้วยแม้ว่าจะมีขนาดพื้นที่ห้องเท่ากันก็ตามที