ทุกข์จร หรือความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว มี 8 ประการ คือ -ความโศก ได้แก่ ความเศร้าใจ หรือความแห้ใจ -ความพิไรรำพัน ได้แก่ ความคร่ำครวญ หรือความบ่นเพ้อ -ความทุกข์ทางกาย ได้แก่ ความเจ็บไข้ หรือความบาดเจ็บ -ความโทมนัส ได้แก่ ความไม่สบายใจ หรือความน้อยใจ -ความคับแค้นใจ ได้แก่ ความตรอมใจ หรือความคับอกคับใจ -ความประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ไม่ชอบใจ -ความพรัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่ชอบใจ -ความปรารถสิ่งใด แล้วไม่ได้สิ่งนั้น 3.
ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ ก็คือ อุปปาทานขันธ์ หรือ ขันธ์ 5 ทุกข์ จำแนกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ทุกข์ประจำ ได้แก่ ทุกข์ที่มีแก่ทุกคนตามธรรมชาติ มี 3.
ว่าด้วยธรรม ๑ ถึง ๑๐ ประการ (ฆ)ธรรม ๑ ประการที่ควรละ คืออะไร คือ อัสมิมานะ (ความถือตัวว่าเป็นเรา) นี้ คือธรรม ๑ ประการที่ควรละ ที. ปา. (แปล) ๑๑/๓๕๑/๓๖๘.......................................... (ฆ)ธรรม ๒ ประการที่ควรละ คืออะไร คือ ๑. อวิชชา (ความไม่รู้แจ้ง) ๒. ภวตัณหา (ความทะยานอยากในภพ) นี้ คือธรรม ๓ ประการที่ควรละ ที. (แปล) ๑๑/๓๕๒/๓๗๐....................................... (ฆ)ธรรม ๓ ประการที่ควรละ คืออะไร คือตัณหา ๓ ได้แก่ ๑. กามตัณหา (ความทะยานอยากในภพ) ๓. วิภวตัณหา (ความทะยานอยากในวิภพ) นี้ คือธรรม ๓ ประการที่ละ ที. (แปล) ๑๑/๓๕๓/๓๗๓........................................ (ฆ)ธรรม ๔ ประการ ที่ควรละ คือโอฆะ (ห้วงน้ำคือกิเลส) ๔ ได้แก่ ๑. กาโมฆะ (โอฆะคือกาม) ๒. ภโวฆะ (โอฆะคือภพ) ๓. ทิฏโฐฆะ (โอฆะคือทิฏฐิ) ๔. อวิชโชฆะ (โอฆะคืออวิชชา) นี้ คือ ธรรม ๔ ประการที่ควรละ ที. (แปล) ๑๑/๓๕๔/๓๗๖....................................... (ฆ)ธรรม ๕ ประการที่ควรละ คืออะไร คือ นิวรณ์ ๕ ได้แก่ ๑. กามฉันทะ (ความพอใจในกาม) ๒. พยาบาท (ความคิดร้าย) ๓. ถีนมิทธะ (ความหดหู่และเซื่องซึม) ๔. อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านและร้อนใจ) ๕.